อาทิตย์. เม.ย. 28th, 2024

ก่อนที่ผมจะศึกษาเล่าเรียนหรือพึงพอใจในเรื่องจิตวิเคราะห์ ทัศนคติ จริงจัง ผมก็เป็นเพียงแค่คนหนึ่งที่ช่างสังเกต แล้วก็เป็นผู้ที่มีความเคร่งเครียด (หนักๆ) อยู่เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะน้อยครั้ง แต่ว่านิสัยที่ไม่ค่อยขอความเห็นคนใด ถูกใจแอบคิดหาทางออกผู้เดียวเสมอๆกระทั่งบางโอกาสมันใช้เวลายาวนานหลายวัน นับว่าทำให้สุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิตห่วยไปตอนหนึ่งได้ กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินซื้อของเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างฯ แต่ในหัวก็กำลังไตร่ตรองครุ่นคิด เครียดกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ก็ได้ผ่านหน้าโรงภาพยนต์แห่งหนึ่ง กำเนิดอะไรดลใจบางสิ่งให้ซื้อตั๋วหนังเข้าไปมองคนเดียวด้วยอารมณ์ไม่ชัดแจ้งๆกับตัวเอง

หนังประเด็นนั้นมิได้ให้คำตอบอะไรกับสิ่งที่กำลังคิด หรือเครียดอยู่(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) แต่ว่ามันกลายเป็นว่าพอเพียงหนังจบ ทุกๆอย่างดูหมิ่นลง เท่าที่จำได้ในขณะนั้นเสมือนจะปล่อยวางบางอย่างลงไป รู้สึกศึกษาและทำการค้นพบทางออกโดยบังเอิญ จากวันนั้นเมื่อใดรู้สึกเครียด ก็เลยใช้วิธีแบบนี้เรื่อยๆมา หรือคิดอะไรไม่ออก ก็หยุดหาหนังมอง แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอาจแตกต่างเป็น เวลาดูหนัง จำนวนมากจะเป็นคนออกจะตั้งมั่นดู และก็ชอบหยุดพอใจเรื่องอื่นๆไปเลย แล้วพึงพอใจ (Focus) แม้กระนั้นหนังที่มองนั้น

เมื่อเครียดที่สุด เพราะเหตุไรต้องดูหนัง?

ถ้าเกิดดูแบบรู้เรื่องตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกับการคิดแบบง่ายๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดลับอะไรเลยเป็น การที่พวกเราได้หยุดจากอะไรก็ตาม มันก็เหมือนการได้พัก เมื่อได้พักมันก็จะมีแรงที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่สมอง ความนึกคิด จิตใจ ดังต่อไปนี้จะพูดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นการดูหนังก็ได้ เพียงการดูหนังมันมีเนื้อหาข้อดีอยู่ (เว้นเสียแต่ ว่าเป็นคนไม่ชอบดูหนัง) ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเปรียบกับการฟังเพลง การฟังเพลงนั้นใช้เพียงแต่ประสาทหู ยิ่งเพลงที่ฟังซ้ำๆเราอาจเคยชินกระทั่งไม่ได้ฟังมันจริงๆโน่นย่อมมีโอกาสให้ความคิดวนกลับไปเรื่องเดิมๆหรือเพลงบางเพลง มีเนื้อหามิได้ช่วยให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างคนกำลังเครียดเพราะว่าอกหัก ยิ่งฟังเพลงอกหัก ก็ยิ่งตอกตัวเองให้จมไปในที่เดิมเป็นต้น แต่ว่ากับหนังหรือภาพยนตร์พวกเราใช้ทั้งยังตาดู หูฟัง ร่างกายได้พัก สภาพแวดล้อมย่อมจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรก่อกวน และก็ยิ่งเป็นหนังที่คิดติดตามไปกับเรื่องทำให้พวกเราลืมเรื่องอื่นๆไปได้ชั่วคราวอย่างดีเยี่ยม